กรีซโบราณ/ภูมิศาสตร์และกรีกในยุคแรก

กรีซโบราณ
ภูมิศาสตร์และกรีกในยุคแรก
ภูมิประเทศก่อรูปเป็นอารยธรรมกรีก
ชาวกรีกอาศัยอยู่บนแผ่นดินที่เป็นภูเขาหินแวดล้อมด้วยน้ำ แผ่นดินใหญ่ของประเทศกรีซเป็นคาบสมุทร ซึ่งเป็นบริเวณแผ่นดินที่แวดล้อมไปด้วยน้ำทั้งสามด้าน แต่คาบสมุทรกรีซขรุขระมาก เป็นคาบสมุทรขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่เรียงเป็นระเบียบด้วยคาบสมุทรเล็ก ๆ ติดต่อกัน แผ่นดินและทะเลสานเข้าด้วยกันคล้ายกับมือและนิ้วมือในอ่างน้ำ อีกประการหนึ่ง มีเกาะมากมายหลายเกาะ ดูแผนที่ประเทศกรีซจะสังเกตเห็นแนวฝั่งทะเลมีผิวขรุขระเป็นตะปุ่มตะป่ำ



ภูเขาและการตั้งหลักแหล่ง
เนื่องจากภูเขาปกคลุมกรีซเป็นส่วนมาก มีพื้นที่ราบสำหรับทำกินเพียงเล็กน้อย ประชาชนได้ตั้งหลักแหล่งในบริเวณเหล่านี้ตามฝั่งทะเลและลุ่มแม่น้ำ คนเหล่านั้นอาศัยอยู่ในหมู่บ้านและเมืองที่มีภูเขาและทะเลคั่นกลาง
การสัญจรข้ามภูเขาและทะเลเป็นสิ่งทำได้ยาก ดังนั้น สังคมจึงถูกแยกให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวจากสังคมอื่น ๆ เป็นผลให้ประชาชนเหล่านั้นได้สร้างการปกครองและวิธีการดำเนินชีวิตเป็นของตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะพูดภาษาคล้ายกวัน สังคมกรีกก็มองดูตัวเองเหมือนกับเป็นประเทศที่แยกออกจากกัน

ทะเลและเรือ
เนื่องจากการสัญจรทางบกข้ามภูเขาที่ขรุขระเป็นการยากลำบากมาก ชาวกรีกยุคแรกจึงหันไปใช้ทะเล ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนขนาดใหญ่อยู่ทางตอนใต้ ด้านทิศตะวันตกก็มีทะเลไอโอเนียน (Ionian Sea) และทางด้านตะวันออกก็มีทะเลอีเจียน (Aegean Sea) ไม่ประหลาดเลยที่ชาวกรีกโบราณใช้ทะเลเป็นแหล่งหาอาหารและเป็นหนทางการค้าขายกับชุมชนอื่น ๆ

ชาวกรีกกลายเป็นนักสร้างเรือและนักเดินเรือที่มีทักษะความชำนาญ เรือของพวกเขาจะแล่นไปยังเอเชียไมเนอร์ (ปัจจุบันคือประเทศตุรกี) อียิปต์ และหมู่เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลอีเจียน ในขณะที่พวกเขาสัญจรไปทั่วทะเลเหล่านี้ พวกเขาก็ค้นพบแหล่งอาหารและผลิตภัณฑ์อื่นที่พวกเขาต้องการ พวกเขายังได้แลกเปลี่ยนแนวความคิดกับวัฒนธรรมอื่น ๆ ด้วย

วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมแห่งการค้าขาย
วัฒนธรรมมากมายได้ตั้งหลักแหล่งและวัฒนาการในประเทศกรีซ ในยุคแรกมีวัฒนธรรมสองสายคือไมนวนและไมซีเนีย ประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวไมนวนได้สร้างสังคมที่ก้าวหน้าบนเกาะกรีต เกาะครีตตั้งอยู่ตอนใต้ของทะเลอีเจียนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก ต่อมา ชาวไมซีเนียได้สร้างเมืองบนแผ่นดินใหญ่ของกรีก อารยธรรมสองสายนี้มีอิทธิพลต่อภูมิภาคทะเลอีเจียนทั้งหมดและช่วยก่อรูปร่างเป็นวัฒนธรรมในประเทศกรีซยุคต่อมา

ประเทศกรีซเป็นดินแดนที่เป็นภูเขาขรุขระ มีชายฝั่งทะเลที่เป็นหิน และเป็นเกาะที่สวยงาม ต้นไม้ที่เห็นในภาพ คือ ต้นโอลิฟ (ต้นไม้ประเภทต้นมะกอก)  ชาวกรีกในยุคแรกปลูกต้นโอลีฟเพื่อเป็นอาหารและทำน้ำมัน


ชาวไมนวน (The Minoan)
เนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่บนเกาะ ชาวไมนวนจึงใช้เวลาส่วนมากอยู่ในทะเล พวกเขาเป็นนักสร้างเรือที่ดีที่สุดพวกหนึ่งในยุคนั้น ชาวไมนวนแล่นเรือขนสินค้า เช่น ไม้ น้ำมันมะกอก และเครื่องปั้นดินเผาไปรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมด พวกเขาได้ค้าขายสินค้าเหล่านี้เพื่อแลกทองแดง ทองคำ เงิน และเครื่องเพชรพลอย
แม้ว่าทำเลของเกาะครีตจะยอดเยี่ยมมากสำพ่อค้าชาวไมนวน ภูมิศาสนาของเกาะครีตก็มีอันตราย ครั้งหนึ่ง เมื่อศตวรรษที่ 1600 ก่อนคริสตกาลมีภูเขาไฟขนาดมหึมาเพิ่งจะปะทุขึ้นในทางตอนเหนือของเกาะครีต การปะทุครั้งนี้ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ไหลท่วมเกาะครีต อีกประการหนึ่ง การปะทุครั้งนั้นได้พวยพุ่งกลุ่มเถ้าถ่านออกมา ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารย่อยยับและทับถมเมืองหลายเมือง การปะทุครั้งนี้อาจจะนำไปสู่การล่มสลายของอารยธรรมไมนวน

ชาวไมซีเนีย (The Mycenaean)
แม้ว่าชาวไมนวนจะมีชีวิตอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศกรีซในปัจจุบันและมีอิทธิพลต่อสังคมกรีซ นักประวัติศาสตร์ก็ไม่ถือว่าชาวพวกเขาเป็นชาวกรีก ข้อนี้เป็นเพราะว่าชาวไมนวนไม่ได้พูดภาษากรีก คนพวกแรกที่พูดภาษากรีก และด้วยเหตุนี้จึงถือว่าเป็นพวกแรกที่เป็นชาวกรีก คือ พวกไมซีเนีย
ในขณะที่ชาวไมนวนแล่นเรือไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชาวไมซีเนียก็กำลังสร้างป้อมปราการเหนือผืนแผ่นดินใหญ่ของกรีกทั้งหมด ป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ ไมซีนี (Mycenae) ซึ่งตั้งชื่อตามชาวไมซีเนีย

ประมาณกลางศตวรรษที่ 1400 สังคมไมนวนได้ล่มสลาย การล่มสลายนั้นทำให้ชาวไมซีเนียยึดครองเกาะครีตและกลายเป็นพ่อค้าส่วนใหญ่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก พวกเขาได้ตั้งประเทศราช (colony)ในกรีซและอิตาลีทางตอนเหนือ นับตั้งแต่พวกเขาได้บรรทุกสินค้าด้วยเรือไปค้าขายรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ
ชาวไมซีเนียไม่ได้คิดว่า การค้าขายต้องทำอย่างสันติ บ่อยครั้งที่พวกเขาได้ต่อสู้กับอาณาจักรอื่น ๆ นักประวัติศาสตร์บางพวกคิดว่า ชาวไมซีเนียได้โจมตีเมืองทรอย (Troy) ตามตำนานอาจเป็นได้ว่าเป็นผู้ก่อสงครามกรุงทรอย (Trojan War)  ซึ่งเป็นจุดเด่นในผลงานทางวรรณคดีมากมาย
สังคมไมซีเนียเริ่มล่มสลายบางส่วนในศตวรรษที่ 1200 ก่อนคริสตกาล เมื่อเหล่าผู้รุกรานจากยุโรปได้เคลื่อนเข้าไปสู่กรีซอย่างรวดเร็ว ในช่วงนั้น แผ่นดินไหวได้ทำลายเมืองมากมาย ในขณะที่อารยธรรมไมซีเนียพังทลาย ประเทศกรีซก็ตกอยู่ในช่วงสงครามและไร้ความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นช่วงที่เรียกว่า ยุคมืด (Dark Age)




วัฒนธรรมการค้าขายในยุคแรก
        ชาวไมนวนและไม่ซีเนีย (Minoan and Mycenaen) เป็นนักสร้างเรือและนักเดินเรือที่ชำนาญ พวกเขาแล่นเรือไปทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออกเพื่อการค้าขาย



ชาวไมนวน (Minoan)
ชาวไมนวนค้าขายสินค้าคล้ายกับแจกันใบนี้ซึ่งประดับด้วยปลาหมึกยักษ์ การค้าขายได้สร้างให้ชาวไมนวนเป็นคนร่ำรวยพอที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามอลังการ สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ (ภาพด้านบน) เป็นซากปรักหักพังของปราสาทอันยิ่งใหญ่ในเมืองคนอสซอส (Knossos) บนเกาะครีต (Crete)


แผนที่อารยธรรมไมนวนและไม่ซีเนีย




ชาวไมซีเนีย (Mycenaean)
หลังจากอารยธรรมไมนวนล่มสลาย ชาวไมซีเนียก็เป็นนักค้าขายที่สำคัญมากในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก หน้ากากทองคำอันสวยงามนี้ถูกค้นพบในสุสานของชาวไมซีเนีย

ชาวกรีกสร้างนครรัฐ
ชาวกรีกในยุคมืดไม่ได้ทิ้งเอกสารการบันทึกที่เป็นข้อเขียนไว้ เอกสารการบันทึกทั้งหมดที่พวกเราทราบเกี่ยวกับยุคนั้นมาจากการค้นพบทางด้านโบราณคดี
ประมาณ 300 ปี หลังจากอารยธรรมไมซีเนียพังทลายลง ชาวกรีกก็ได้เริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อการป้องกันและความเสถียรภาพ เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้ตั้งเป็นนครรัฐอิสระ คำว่า นครรัฐ (city-state) ในภาษากรีก คือ polis การสร้างนครรัฐเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มขึ้นแห่งยุคที่รู้จักกันว่า ยุคคลาสสิกของกรีก ยุคคลาสสิก (classical age) คือ ยุคที่มีความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เป็นจุดเด่น

การดำเนินชีวิตในนครรัฐ
นครของกรีกโดยปกติแล้วจะสร้างรอบ ๆ ป้อมปราการที่แข็งแรง ป้อมปราการจะตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเสมอ ๆ ซึ่งเรียกว่า อโครโปลิส (acropolis) เมืองรอบ ๆ อโครโปลิสจะล้อมรอบด้วยกำแพงเพื่อป้องกันเพิ่มขึ้นอีก
ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่ดำรงชีวิตอยู่ในนครรัฐ อาศัยอยู่ในกำแพงเมือง ยกตัวอย่างเช่น เหล่าเกษตรกรตามปกติแล้วก็อาศัยอยู่ใกล้ทุ่งนานอกกำแพง แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงคราม สตรี เด็ก ๆ และคนแก่ทั้งหมดได้มารวมตัวกันภายในกำแพงเมืองเพื่อการป้องกัน เป็นเหตุให้พวกเขายังคงได้รับความปลอดภัยในขณะที่ผู้ชายในนครรัฐจะก่อตั้งกองทัพเพื่อต่อสู้กับศัตรู
การดำเนินชีวิตในเมืองปกติแล้วจะรวมตัวกันอยู่ที่ตลาด หรือ agora (แปลว่า สถานที่ที่คนมารวมตัวกัน) ในภาษากรีก เหล่าเกษตรกรจะนำพืชพันธุ์ธัญญาหารของตนเองมาค้าขายที่ตลาดเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าที่ทำขึ้นโดยช่างฝีมือในเมือง เนื่องจากเป็นสถานว่างโล่งกว้างใหญ่ ตลาดจึงให้บริการในฐานะเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์กันอีกด้วย ประชาชนจะมารวมตัวทางด้านการเมืองและด้านศาสนาในตลาด ปกติแล้วจะมีร้านค้าด้วย
นครรัฐกลายเป็นรากฐานอารยธรรมกรีก นอกจากการจัดการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนแล้ว เมืองยังให้เอกลักษณ์แก่ประชาชนด้วย ประชาชนคิดว่าตัวเองเป็นประชากรของเมือง ไม่ใช่เป็นชาวกรีก เนื่องจากนครรัฐเป็นศูนย์กลางของชีวิตของพวกเขาจริง ๆ ชาวกรีกจึงคาดหวังให้ประชาชนเข้าร่วมในกิจการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจและการปกครอง

นครรัฐกับการจัดตั้งเมืองประเทศราช (colony)
ในที่สุด การดำเนินชีวิตในกรีซก็กลายเป็นการตั้งถิ่นฐานมากขึ้น ประชาชนไม่ต้องกลัวผู้มาบุกรุกโจมตีเมืองของพวกเขาเป็นเวลานาน เป็นผลให้พวกเขามีอิสรภาพในการคิดเรื่องอื่น ๆ มากกว่าเรื่องการป้องกันเมือง ชาวกรีกบางพวกเริ่มฝันถึงการเป็นเศรษฐีด้วยการค้าขาย อีกพวกหนึ่งก็กลายเป็นผู้อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับดินแดนเพื่อนบ้านรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บางพวกยังเกิดความกังวลจะจัดการกับประชากรที่เจริญเติบโตของกรีซอย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะมีเหตุผลแตกต่างกัน ในที่สุดประชาชนทั้งหมดก็บรรลุถึงแนวความคิดแบบเดียวกัน คือ ชาวกรีกควรจะจัดตั้งเมืองประเทศราช (colony)
          ในไม่ช้า หลายกลุ่มจากนครรัฐรอบ ๆ กรีซก็เริ่มจัดตั้งเมืองประเทศราชในดินแดนที่ห่างไกลออกไป หลังจากได้จัดตั้งเมืองประเทศราชขึ้นแล้ว เมืองประเทศราชของชาวกรีกก็กลายเป็นอิสรภาพ อีกประการหนึ่ง เมืองประเทศราชแต่ละแห่งก็กลายเป็นนครรัฐใหม่ ในความเป็นจริง นครบางนครที่เริ่มเป็นเมืองประเทศราช ก็เริ่มสร้างเมืองประเทศราชเป็นของตนเอง ในที่สุดเมืองประเทศราชของชาวกรีกก็แผ่ขยายไปรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลดำ นครใหญ่มากมายรอบ ๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในปัจจุบันนี้เริ่มเป็นเมืองประเทศราชของกรีก เมืองอิสตันบูล (Istanbul) ในประเทศตุรกี เมืองมาร์กเซย์ (Marseille) ในฝรั่งเศส และเมืองเนเปิลส์ (Naples) ในอิตาลี ก็อยู่ในบรรดาเมืองประเทศราชเหล่านั้น